Friday, 29 March 2024

8 วิหารบูชาเทพเจ้ากรีกโบราณ

18 Oct 2022
465

8 วิหารบูชาเทพเจ้ากรีกโบราณ

หนึ่งในหลักฐานสําคัญที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมกรีก ที่ยังคงยืนหยัดผ่านกาลเวลานับพันๆปีมาจนถึงปัจจุบัน ก็คือวิหารต่างๆที่ชาวกรีกโบราณสร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าที่เคารพนับถือ ซึ่งบรรดาวิหารที่เรานําเสนอกันในนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ห้าก่อนคริสการหรือมีอายุเกือบสองพันห้าร้อยปี กระจายตัวอยู่ตามประเทศต่างๆ ที่เคยเป็นนครรัฐดั้งเดิมในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทะเลเอเจียนคาบเกี่ยวระหว่างยุโรปกับเอเชีย cupo ขอพาทุกท่านย้อนเวลากลับไปศึกษาภูมิปัญญาของชาวเฮลินิกหรือชาวกรีกโบราณกับแปดสุดยอดวิหารบูชาเทพเจ้ากรีกโบราณกันครับ

1.วิหาร Parthenon

8 วิหารบูชาเทพเจ้ากรีกโบราณ

วิหารหินอ่อนที่มีความสมบูรณ์และสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเอเธนส์ประเทศกรีซ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนครรัฐเอเธนส์ของกรีกมาตั้งแต่โบราณ ที่นี่เน้นความเรียบง่ายแต่ดูสง่างามมั่นคงแข็งแรงด้วยเสาแบบดอริกโครงสร้างที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบันเป็นการสร้างขึ้นครั้งที่สามบนพื้นที่เดิม ในช่วงสี่ร้อยสี่สิบเจ็ดปีถึงสี่ร้อยสามสิบสองปีก่อนคริสการ เราสามารถมองเห็นวิหาร Parthenonได้ในระยะไกล

8 วิหารบูชาเทพเจ้ากรีกโบราณ

โดยเฉพาะตั้งอยู่บนเนิน ซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดของกรุงเอเธนส์ วิหารแห่งนี้สร้างเพื่อถวายเทพีอาเธน่า ซึ่งเป็นเทพแห่งปัญญา สงครามและยุทธศาสตร์การรบ ปัจจุบันวิหาร Parthenon เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สําคัญของประเทศ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก มีการบูรณะและโปรโมทครั้งใหญ่ในปีสองพันสี่ เมื่อครั้งที่กรีซเป็นเจ้าภาพแข่งขันกีฬาโอลิมปิก

2.วิหาร Erechtheion

8 วิหารบูชาเทพเจ้ากรีกโบราณ

อีกหนึ่งวิหารบนเนินอคคาโรโพลิสที่ตั้งอยู่ใกล้กับวิหาร Parthenon เอกลักษณ์อันโดดเด่นที่ทําให้ที่นี่เป็นที่จดจําบริเวณระเบียงที่ใช้รูปปั้นของหญิงสาวพรหมจรรย์แทนเสาหกต้น สร้างขึ้นหลังวิหาร Parthenon ไม่นานนัก

8 วิหารบูชาเทพเจ้ากรีกโบราณ

คือราศีร้อยยี่สิบเอ็ดถึงสี่ร้อยห้าปีก่อนคริสการ ในขณะที่การก่อสร้างตัวอาคารก็ไม่สมมาตรเหมือนกับสถาปัตยกรรมกรีกอื่นๆเพราะสร้างอยู่บนเนินเขาที่พื้นมีความสูงไม่เท่ากันและอาจจะเป็นมากกว่าวิหารบูชาเทพเจ้า เพราะมีห้องโถงขนาดใหญ่อยู่ด้านใน

3.วิหาร Olympian Zeus

8 วิหารบูชาเทพเจ้ากรีกโบราณ

เดิมที่นี่เป็นวิหารขนาดใหญ่ที่มีเสาถึงหนึ่งร้อยสี่ต้น แต่ปัจจุบันหลงเหลือเพียงสิบห้าต้นเท่านั้น แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทําให้จินตนาการได้ถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตและเห็นถึงจุดเด่นที่สําคัญ คือเสาในสไตล์ corinthian อันงดงาม วิหารสําหรับบูชาซุสนี้เริ่มสร้างมาตั้งแต่ราวห้าร้อยหกสิบปีก่อนกิตติกาล แต่มาแล้วเสร็จเอาในศตวรรษที่สองในยุคที่โรมันเข้าปกครองพื้นที่ซุสเป็นอาราชาแห่งเทพ เทพแห่งท้องฟ้าสายฟ้าและความยุติธรรม ผู้ปกครองเขาโอลิมปัสวิหารนี้ตั้งอยู่ในเมือง Olympia เมืองโบราณที่เป็นต้นกําเนิดของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเพื่อบูชาเทพเจ้า ละที่เมืองOlympiaนี้ยังเคยมีเทวรูปของซุสขนาดใหญ่สูงถึงสิบสองเมตรหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณแต่ถูกทําลายไปแล้วในปัจจุบัน

4.วิหาร Hephaestus

8 วิหารบูชาเทพเจ้ากรีกโบราณ

สร้างขึ้นเพื่อบูชาเฮเฟตัสเทพแห่งไฟ โลหะและการช่าง บุตรของซุสและเทพีอโฟรไดท์มีสัญลักษณ์ประจําตัวเป็นขวาน ค้อนและไฟ วิหารนี้สร้างตั้งแต่เมื่อราวสี่ร้อยห้าสิบปีก่อนกิจการ แต่ยังมีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ เหมาะแก่การศึกษาสถาปัตยกรรมสไตล์กรีกโบราณได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างต่อเนื่อง ในช่วงศตวรรษที่เจ็ดถึงสิบเก้า ที่นี่เคยใช้เป็นโบสถ์สําหรับนิกายออร์ธอด็อกซ์และพิพิธภัณฑ์ ตั้งอยู่บนทําเลที่สําคัญคือในเขตเมืองโบราณของกรีกหรือ Ancient Agora of Athens มีลานสําหรับให้ชาวเมืองมาพบปะสังสรรค์ทํากิจกรรมต่างๆร่วมกัน ตลอดจนเป็นตลาดแลกเปลี่ยนสินค้า

5.วิหาร Poseidon

8 วิหารบูชาเทพเจ้ากรีกโบราณ

สร้างอยู่บนยอดเขาริมฝั่งทะเลเอเจียนแหลมซูเนียน ประเทศกรีซทางตอนใต้ของกรุงเอเธนส์ราวแปดสิบกิโลเมตร โครงสร้างของวิหารที่สูงถึงหกเมตร ประกอบไปด้วยเสาหินอ่อนถึงสี่สิบสองต้นที่เห็นกันทุกวันนี้ สร้างขึ้นเมื่อราวสี่ร้อยสี่สิบปีก่อนคริสตกาล เพื่อบูชาโพไซดอนเทพแห่งท้องทะเล เชื่อกันว่าบริเวณนี้เป็นจุดที่ชาวกรีกโบราณนิยมมาทําพิธีบูชาเทพแห่งผืนน้ำที่มีตรีศูลเป็นอาวุธคู่กาย ตั้งแต่เมื่อราวศตวรรษที่สิบเอ็ดก่อนคริสการ เพราะชาวกรีกโบราณเป็นนักเดินเรือจึงต้องสวดอ้อนวอนเพื่อให้ปลอดภัยในการเดินทางและยังใช้เป็นจุดสังเกตที่สามารถมองเห็นได้จากระยะไกลว่าใกล้ถึงฝั่งแล้วหรือยัง ปัจจุบันที่นี่เป็นวิหารริมทะเลที่นักท่องเที่ยวจํานวนมากนิยมมาชมทิวทัศน์ของอ่าวชาโรนิกและพระอาทิตย์ตกดิน

6.วิหาร Apollo Epicurius

8 วิหารบูชาเทพเจ้ากรีกโบราณ

วิหาร Apollo Epicurius ตั้งอยู่ในแหล่งโบราณคดีบาสเซย์ เป็นวิหารที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก สร้างขึ้นในช่วงสี่ร้อยห้าสิบปีถึงสี่ร้อยปีก่อนคริสการบนทางลาดของเนินเขา ซึ่งอยู่เหนือระดับน้ำทะเล หนึ่งพันหนึ่งร้อยสามสิบเอ็ดเมตร เป็นสถาปัตยกรรมกรีกสไตล์คลาสสิกที่มีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ มีหัวเสากลีบโบราณครบทั้งสามแบบ ได้แก่ doric lonci และcorinthianในที่เดียว เคยถูกทิ้งร้างไปเกือบหนึ่งพันเจ็ดร้อยปี ก่อนที่จะมีการค้นพบในช่วงศตวรรษที่สิบแปด วิหารนี้สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพอพอลโล่ที่นอกจากจะเป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์และแสงสว่างแล้วยังมากไปด้วยความรู้ ความสามารถ ทั้งด้านดนตรี กวี ศิลปะ ธนู และการแพทย์

7.วิหาร Artemis

8 วิหารบูชาเทพเจ้ากรีกโบราณ

อาณาจักรกรีกโบราณยังขยายอิทธิพลข้ามทะเลเอเจียนไปยังประเทศตุรเกียในปัจจุบันที่เมืองนี้ยังนับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ ที่มันมีการทําแบบจําลองขึ้นมาจากซากปรักหักพังที่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน ก็เผยให้เห็นความอลังการของวิหารสูงสิบแปดจุดสองเมตร ที่ประกอบไปด้วยเสาหนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ดต้น สร้างขึ้นเพื่อบูชาอาร์ทิมิสเทพีแห่งดวงจันทร์และการล่าสัตว์ มีอาวุธประจํากายเป็นคันธนู และมีด้วยกันหลายตัวตนหรือหลายปาง อาร์ทิมิสยังมีคู่แฝดคือเทพอพอลโล่และทั้งคู่เป็นบุตรแห่งซุสที่เกิดกับพระนางเลโทเทพีแห่งความเป็นแม่ วิหารอาร์ทิมิสยังมีอีกชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วิหารไดอาน่า ตั้งอยู่ในเขตเมืองโบราณเอฟาซุส ซึ่งเป็นพื้นที่ๆเป็นที่ตั้งของวิหารนี้ มีการสร้างและบูรณะขึ้นมาใหม่หลายต่อหลายครั้ง จากครั้งแรกเมื่อเจ็ดร้อยปีก่อนคริสการ จวบจนคริสตัลสองร้อยหกสิบสอง ที่ถือเป็นการทําลายล้างครั้งสุดท้าย เพราะอิทธิพลของคริสตศาสนาและมีการนําเอาเสาหินและหินอ่อนจากที่นี่ไปสร้างวิหารฮาเกียโซเฟียในคอนสแตนติโนเปิ้ลหรืออีสตันบูลในปัจจุบัน

8.วิหารแห่งที่สองของ Hera

8 วิหารบูชาเทพเจ้ากรีกโบราณ

วิหารนี้ตั้งอยู่ที่เมืองเพสตัมทางตอนใต้ของอิตาลีเป็นเมืองโบราณที่เคยรุ่งเรืองทั้งในสมัยกรีกและโรมัน โดยวิหารแห่งที่สองของเฮร่านี้ มีอายุนับย้อนหลังไปได้ไกลถึงสี่ร้อยเจ็ดสิบถึงสี่ร้อยหกสิบปีก่อนคริสตกาลหลักประกอบไปด้วยเสาโรมันสไตล์ doric ในด้านกว้าง และในอีกสิบสี่ต้นในแนวยาวอยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์กว่าวิหารแห่งที่หนึ่งที่สร้างเสร็จก่อนและตั้งอยู่ไม่ไกลกัน สําหรับเทพีเฮร่าที่ชาวกรีกโบราณบูชานับเป็นราชินีแห่งเทพทั้งมวล เป็นสัญลักษณ์แห่งหญิงสาว การแต่งงานและครอบครัว ทรงเป็นทั้งพี่สาวและภรรยาของซุส สถาปัตยกรรมสไตล์กรีกโบราณนี้กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งในช่วงศตวรรษที่สิบแปดส่งอิทธิพลไปยังการก่อสร้างในยุคนีโอคลาสสิค เราจึงสามารถพบเห็นสถาปัตยกรรมที่มีกลิ่นไอของกรีกโบราณในอาคารยุคหลังหลังที่ปรากฏให้เห็นกันทั่วไปในปัจจุบันครับ