กลับมาอีกครั้งกับเครื่องดื่มแสนวิเศษที่จะพาคุณสัมผัสกับรสชาติของวัฒนธรรมชาวญี่ปุ่นอีกครั้งและในวันนี้ cupo เราจะพาทุกท่านเข้าไปสัมผัสก็ข้อมูลที่ลึกไปอีกระดับของสาเก ว่าสาเกที่เรานั่งดื่มกับกลุ่มเพื่อนสนิทตามร้าน อิซากายะ นั้นมันแบ่งออกเป้นกี่แบบ และแต่ละแบบมีส่วนผสมแบบไหนกันบ้าง
การผลิตสาเกในญี่ปุ่น
โดยในการผลิตสาเกนั้น มีความซับซ้อนมาก ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและการศึกษาค้นคว้า เนื่องจากสาเกนั้นมีความอ่อนไหวต่ออุณหภูมิสูงมาก หากเก็บเกินอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม อาจทําให้ยีสต์ที่ช่วยในกระบวนการผลิตสาเกอาจตายลงได้ ชนิดของสาเกนั้นก็จะถูกแบ่งโดยปริมาณของเนื้อข้าวที่ผ่านการขัดวิธีการผลิตและชนิดของข้าวที่นํามาใช้ในการผลิต โดยลอกสาเกสามารถดื่มได้ทั้งแบบร้อนและแบบเย็นและมีวางจําหน่ายมากมาย หาซื้อได้ง่ายในท้องตลาด ซึ่งรากสาเกที่วางขายอยู่ก็สามารถจัดแบ่งออกมาได้ทั้งหมดหกชนิดด้วยกัน แต่ละชนิดจะเรียกว่าอะไรบ้างชนิดที่ 1 จุนไม
สาเกชนิดที่ทําจากข้าวล้วนๆ ขวดไหนประกาศตัวว่าเป็นจุนไม แน่ใจได้เลยว่าจะไม่มีการใส่สิ่งอื่นใด อย่างน้ำตาลหรือแอลกอฮอล์เสริมลงไปปรุงแต่งด้วยอย่างแน่นอน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้บอกว่าจุนไมจะมีคุณภาพดีหรือรสเลิศกว่าสาเกชนิดอื่น เพราะด้วยทักษะของผู้ผลิตที่เชี่ยวชาญ แม้จะไม่ปรุงแต่งก็อาจทําสาเกรสเยี่ยมชวนดื่มขึ้นมาได้ โดยทั่วไปแล้วสาเกชนิดนี้จะมี Rich Body และมีระดับความเป็นกรดที่สูงกว่าสาเกชนิดอื่นด้วย กลิ่นไม่ค่อยโดดเด่นและบ่อยครั้งที่เขามักจะเสิร์ฟมาแบบร้อน ทั้งนี้ในบางกรณีหากไม่มีการเติมแอลกอฮอล์ลงไปสาเกชนิดกินโจและไดกินโจยังสามารถที่จะพิจารณาว่าเป็นจุนไมได้อีกด้วยชนิดที่ 2 กินโจ
ทําจากข้าวที่สีออกไปสี่สิบเปอร์เซ็นต์ โดยเหลือเนื้อข้าวอยู่ราวหกสิบเปอร์เซ็นต์จะมีกลิ่นหอมหวนและรสชาตินุ่มละเอียดอ่อน ผู้ผลิตสาเกชนิดนี้มักจะใช้ยีสต์ชนิดพิเศษหมักข้าวในอุณหภูมิที่ต่ำ กินโจเหมาะสําหรับเสิร์ฟแบบเย็น เพื่อให้แสดงรสชาติที่ดีที่สุดออกมาชนิดที่ 3 ไดกินโจ
เช่นเดียวกับกินโจแต่ไดกินโจนั้นจะสีข้าวออกมากกว่าโดยจะสีออกถึงห้าสิบถึงหกสิบห้าเปอร์เซ็นต์ ทําให้เนื้อข้าวเหลืออยู่เพียงประมาณสามสิบห้าถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น สาเกชนิดนี้มักจะมีกลิ่นหอมหวนและมีรสสัมผัสที่เข้มข้นเหมาะกับการเสิร์ฟแบบเย็นเช่นเดียวกับกินโจชนิดที่ 4 ฮอรโจโซ
สาเกชนิดนี้ผลิตจากข้าวที่สีแล้วเหลือเนื้อข้าวไม่น้อยกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์หรือสีออกไปไม่เกินสามสิบเปอร์เซ็นต์และมีการเติมแอลกอฮอล์ผสมลงไปด้วย เพื่อปรุงแต่งให้มีรสชาติที่นุ่มละมุน มีกลิ่นที่โดดเด่นขึ้น โดยสาเกชนิดนี้มักจะนิยมเสิร์ฟกันแบบอุ่นๆชนิดที่ 5 นามะสาเก
โดยทั่วไปแล้วจะหมายถึงแอลกอฮอล์ที่ไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์ ซึ่งสาเกทุกชนิดก็สามารถเป็นนามะสาเกได้ หากเข้าข่ายนี้ สาเกชนิดนี้จะต้องนําไปแช่เย็นเพื่อไม่ให้กลิ่นและรสชาติเปลี่ยนยามดื่มถ้าจะลองมื้ออาหารอินเดีย มีเมนูอะไรที่แนะนำได้บ้าง?
ถ้าคุณต้องการลองมื้ออาหารอินเดีย มีเมนูอาหารที่น่าสนใจมากมายให้คุณได้สำรวจ ตั้งแต่เมนูพื้นฐานไปจนถึงเมนูที่หลากหลายและสีสัน เช่น บิรย์ยานี, แดลช, ซัลตัน หรือแม้แต่ยุโรปอินเดียเมนูก็จัดมอบไว้ให้เลือกชิมอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้น มื้ออาหารอินเดียเป็นการคุ้มค่าที่คุณควรสัมผัสและสำรวจกิจกรรมค้นหาอร่อยอาหารอินเดียได้อย่างอิสระ indian cuisine delights to explore.