Friday, 31 March 2023

อาหารหมักกลิ่นแรงแต่รสชาติเยี่ยม 2

อาหารหมักกลิ่นแรงแต่รสชาติเยี่ยม 2

การหมักอาหารเป็นภูมิปัญญาของมนุษย์ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เพื่อให้สามารถเก็บรักษาอาหารไว้นานขึ้นและป้องกันไม่ให้อาหารเน่าเสีย แน่นอนว่าการหมักจะทำให้รสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นของอาหารเปลี่ยนไป อาหารบางชนิดเมื่อหมักได้ระยะหนึ่งแล้วจะมีกลิ่นแรงมากขึ้น แต่ก็จะมีรสชาติที่อร่อยด้วย วันนี้ cupo เราจะพามาทำความรู้จักกับอาหารหมัดเหล่านั้นจะมีอะไรบ้าง

เต้าหู้เหม็น

อาหารหมักกลิ่นแรงแต่รสชาติเยี่ยม 2

เต้าหู้เหม็นเป็นอาหารที่มีชื่อเสียงในจีนและไต้หวัน ภาษาจีนจะเรียกว่าโช่ว โต้ว ฝู สาเหตุที่ได้ชื่อว่าเต้าหู้เหม็นเพราะเป็นเต้าหู้หมักที่มีกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง ต้นกําเนิดของเต้าหู้เหม็นเกิดขึ้นตั้งแต่ปีหนึ่งพันหกร้อยหกสิบเก้าในสมัยจักรวรรดิคังซีแห่งราชวงศ์ชิง มีบัณฑิตคนหนึ่งเดินทางไปปักกิ่งเพื่อสอบจอหงวน แต่สอบไม่ติดเขาจึงตั้งรกรากอยู่ที่ปักกิ่งและทําเต้าหู้ขาย วันหนึ่งเต้าหู้ขายไม่หมดเขาจึงหั่นเต้าหู้เป็นชิ้นเล็กๆโรยเกลือและพริกหมาล่าเก็บไว้ในไห เมื่อเวลาผ่านไปเต้าหู้ก็เปลี่ยนเป็นสีเทาอมเขียวและมีกลิ่นฉุนมาชิมดูก็มีรสชาติอร่อย เขาจึงนําเต้าหู้เหม็นไปขายที่ตลาดและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ต่อมาในสมัยจักรพรรดิกวางซวี่ เต้าหู้เหม็นได้กลายเป็นหนึ่งในเครื่องเสวยและยังเป็นพระกระยาหารโปรดของซูสีไทเฮาอีกด้วย การหมักเต้าหู้เหม็นจะใช้เวลาสามถึงสี่วันเป็นอย่างน้อย ปัจจุบันเต้าหู้เหม็นได้กลายเป็นอาหารทานเล่นยอดนิยมของชาวจีนและชาวไต้หวันโดยมากมักจะนํามาทอดหรือรับประทานเป็นเครื่องเคียงในอาหารจานหลัก

นัตโตะ

อาหารหมักกลิ่นแรงแต่รสชาติเยี่ยม 2

นัตโตะเป็นอาหารญี่ปุ่นทําจากถั่วเหลืองหมักหรือที่ชาวไทยคุ้นเคยกันในชื่อถั่วเน่า ประวัติของนัตโตะเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ยุคเฮอันระหว่างช่วงสงครามโกเซ็นเน็นในปีหนึ่งพันแปดสิบ มิยาโมโตะ โยชิสึเอะ ได้นํากองทัพขึ้นไปทางเหนือของญี่ปุ่น เสบียงของกองทัพคือถั่วเหลืองต้มสุกห่อในฟางข้าว โดยวางไว้บนหลังม้าผ่านไปสองวัน เมื่อแกะห่อฟางออกมา ถั่วเหลืองก็มีลักษณะที่เปลี่ยนไป เนื่องจากอุณหภูมิร่างกายของม้า เมื่อลองชิมดูแล้วก็พบว่ามีรสชาติที่อร่อย มิยาโมโตะโยชิเอะรู้สึกชื่นชอบรสชาตินี้

อาหารหมักกลิ่นแรงแต่รสชาติเยี่ยม 2

เมื่อเดินทางกลับจากสงครามเขาจึงได้วิธีการทํานัตโตะให้กับชาวบ้าน นัตโตะจึงกลายเป็นอาหารที่เป็นที่นิยมในแถบโทโฮคุและคันโตในเวลาต่อมา การผลิตนัตโตะจะใช้ถั่วเหลืองต้มและหมักกับเชื้อแบคทีเรียสายพันธุ์นัตโตะ หมักด้วยอุณหภูมิประมาณสี่สิบองศาเป็นเวลาสิบแปดถึงยี่สิบชั่วโมง เมื่อหมักได้ที่แล้วนัตโตะจะกลายเป็นสีน้ำตาลมีลักษณะเหนียวหนืดเป็นเมือกมีกลิ่นแรง ชาวญี่ปุ่นจึงมักรับประทานนักตกกับข้าวเป็นอาหารเช้าและยังมีการรับประทานนัตโตะในรูปแบบอื่นๆ เช่น ข้าวราดแกงกะหรี่นัตโตะ ข้าวคลุกไข่ดิบและนัตโตะ ปัจจุบันซูเปอร์มาร์เก็ตที่ญี่ปุ่นก็มีนัตโตะสําเร็จรูปขายอีกด้วย

ชีส

อาหารหมักกลิ่นแรงแต่รสชาติเยี่ยม 2

ชีสหรือที่ชาวไทยเรียกว่าเนยแข็งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากโปรตีนในน้ำนมและเป็นอาหารที่นิยมในโลกตะวันตกตะวันออกกลางและเอเชียกลาง ประวัติศาสตร์ของชีสเริ่มต้นเมื่อประมาณสี่พันปีก่อนคริสตกาลพ่อค้าชาวอาหรับคนหนึ่งเดินทางในทะเลทรายโดยขี่อูฐเขาได้นํานมใส่ถุงที่ทําจากกระเพาะแกะ เมื่อพ่อค้ารู้สึกกระหายน้ำ จึงได้หยิบถุงขึ้นมาเพื่อจะดื่มนม แต่เขาพบว่านมได้แยกออกเป็นสองส่วน คือส่วนที่จับตัวเป็นก้อนและส่วนที่เป็นของเหลว ซึ่งเกิดจากความร้อนจากแสงอาทิตย์และถุงถูกเขย่าไปมา เมื่อเขาลองชิมส่วนที่เป็นก้อนก็พบว่ามีรสชาติที่อร่อยและมีอีกตํานานหนึ่งที่เชื่อว่าอริสเทอุส บุตรชายของเทพอะพอลโล ได้ถ่ายทอดวิธีการผลิตชีสให้แก่ชาวกรีกและชาวกรีกก็ได้นําไปเผยแพร่ต่อให้แก่ชาวโรมัน

อาหารหมักกลิ่นแรงแต่รสชาติเยี่ยม 2

เมื่อทหารชาวโรมันออกรบก็ได้นําชีสไปแบ่งให้แก่ผู้คนในท้องถิ่น จึงทําให้ชีสกลายเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย การผลิตชีสจะนํานมไปต้มเพื่อแยกโปรตีนในนมออกมา โดยจะใส่แบคทีเรียลงไปจากนั้นก็ใส่ภาชนะและหมักทิ้งไว้ โดยใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งถึงสี่เดือน ชีสที่ได้จะมีสี สัมผัสและกลิ่นที่แตกต่างกันแล้วแต่ชนิดของนมและระยะเวลาที่ใช้หมัก ชีสได้ถูกนําไปทําเป็นอาหารมากมายเช่น พิซซ่า ฟองดู หรือนํามารับประทานคู่กับผลไม้และไวน์ จุดร่วมของอาหารเหล่านี้คือ เมื่อนํามาหมักจนได้ที่แล้วจะมีกลิ่นแรง แต่ก็จะมีรสชาติที่อร่อยเข้มข้นด้วยจึงทําให้มีทั้งผู้คนที่ชื่นชอบและไม่ชอบอาหารเหล่านี้ แต่ด้วยกลิ่นและรสชาติก็ทําให้อาหารเหล่านี้นั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและได้รับความนิยมไปทั่วโลก

สนับสนุนการจัดทำโดย ufa4k


two × 3 =