Friday, 29 March 2024

ตำนานเหล้าญี่ปุ่นที่ได้ดื่มสักครั้งต้องติดใจ

09 Jan 2023
253
ตำนานเหล้าญี่ปุ่นที่ได้ดื่มสักครั้งต้องติดใจ วันนี้ cupo จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับเครื่องดื่มที่เป็นที่นิยมสุดๆของประเทศหนึ่งกันในวันนี้เราจะพาข้ามไปอีกประเทศ นับเป็นหนึ่งในประเทศที่มีวัฒนธรรมและศิลปะอันมีเสน่ห์ หากใครได้ไปสัมผัสบรรยากาศการกินดื่มของที่นี่รับรองเลยล่ะค่ะว่าต้องมีซ้ำรอบสองแน่นอน เราจะพาไปรู้จักกับ สาเก เครื่องดื่มประวัติศาสตร์ของแดนอาทิตย์อุทัยอย่าง ญี่ปุ่น ดินแดนที่ฉาบไปด้วยมนต์เสน่ห์ที่ยากจะลืมเลือน การกินดื่มของที่นี่นั้นเป็นที่โด่งดังสุดๆ และวันนี้เราจะพาทุกท่านดื่มด่ำไปกับรสเมรัยแดนปลาดิบ ที่ทุกท่านจะไม่มีวันลืมเลือนอย่างแน่นอน

ทำไมอาหารหมักกลิ่นแรงแต่รสชาติเยี่ยมอย่างนี้?

Strong-flavored but delicious fermented food, like kimchi or sauerkraut, offers a tantalizing contradiction for our taste buds. The intense, pungent aroma of fermentation is accompanied by a unique and enjoyable taste. This transformation occurs due to the breakdown of sugars by bacteria, resulting in complex flavors that are cherished by many culinary enthusiasts. The combination of bold aromas and delightful flavors makes fermented food a true gastronomic experience.

Can Plants and Trees Make Alcohol?

Plants and trees abilities to produce alcohol are limited. While certain fruits like grapes and apples can naturally ferment to yield alcoholic beverages, most plants do not have this capability. However, humans have developed techniques to harness plant materials for alcohol production, such as through the cultivation of grains like barley for beer-making.

ต้นกำเนิดของสาเก

ตำนานเหล้าญี่ปุ่นที่ได้ดื่มสักครั้งต้องติดใจ สาเกคือสุราประจําชาติของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งผลิตจากกระบวนการหมัก เช่นเดียวกับเบียร์และไวน์และด้วยความที่มีวัตถุดิบหลักในการผลิตก็คือข้าว ซึ่งเป็นอาหารหลักของชาวญี่ปุ่น สาเกจึงได้รับการขนานนามอีกอย่างว่าไวน์ข้าว สาเกนับได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งที่สําคัญในวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของญี่ปุ่นเลย ซึ่งในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา เมื่ออาหารญี่ปุ่นได้รับความนิยมไกลในระดับนานาชาติ จึงเป็นส่วนสําคัญที่ทําให้สุราข้าวจากแดนอาทิตย์อุทัยชนิดนี้ ได้รับความนิยมในต่างประเทศมากขึ้นด้วยและคงเป็นการดีหากแฟนๆผู้ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นจะได้ทําความรู้จักกับเรื่องราวและชนิดของสาเกกันเอาไว้ เพราะสุราญี่ปุ่นย่อมไปกันได้ดีกับอาหารญี่ปุ่นอยู่แล้วและนั่นจะยิ่งทําให้เราสนุกกับการกินดื่มแบบชาวญี่ปุ่นกันได้มากขึ้นด้วย แต่หากจะว่ากันจริงๆแล้ว กระบวนการของการผลิตสาเกนั้น ค่อนข้างมีความยุ่งยากซับซ้อนอยู่ไม่น้อยเลย ตำนานเหล้าญี่ปุ่นที่ได้ดื่มสักครั้งต้องติดใจ ปัจจุบันนี้กระบวนการผลิตสาเกนั้น มีการนําเอาเทคนิคที่เป็นวิทยาศาสตร์เข้าไปปรับใช้มากขึ้นด้วย เพื่อช่วยอํานวยความสะดวกและเพิ่มปริมาณการผลิต จากกระบวนการผลิตสาเกตามตํารับดั่งเดิมอันทรงเสน่ห์ก็ยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้ แต่ก่อนที่เราจะไปรู้จักชนิดต่างๆของสาเกกัน เราย้อนอดีตของสุราษฎร์ชนิดนี้กันสักเล็กน้อยในปีคริสต์ศักราช หนึ่งพันเก้าร้อยสี่จากสถาบันวิจัยสุราแห่งชาติ ได้รับการก่อตั้งโดยกระทรวงเศรษฐกิจ หน่วยงานแห่งนี้ได้รับมอบหมายให้นํากระบวนการวิจัยทางวิทยาศาสตร์มาใช้ในการศึกษาและพัฒนาสาเก เพื่อให้ได้มาซึ่งเทคโนโลยีในการผลิตสาเกนับแต่โบราณสาเกได้รับการเชิดชูให้เป็นเครื่องดื่มพิเศษทรงคุณค่าที่ผลิตจากข้าว ตำนานเหล้าญี่ปุ่นที่ได้ดื่มสักครั้งต้องติดใจ โดยคนญี่ปุ่นดื่มสาเกกันในโอกาสพิเศษไม่ว่าจะเป็นเทศกาล งานแต่ง ไปจนถึงงานศพทุกวันนี้ผู้คนสามารถดื่มด่ำสาเกได้ในฐานะของสื่อกลางเพื่อการเข้าสังคมระหว่างผู้คน กระบวนการผลิตสาเกจะคล้ายๆกับเบียร์และไวน์ เพื่อให้ได้มาซึ่งแอลกอฮอล์ สาเกต้องผ่านการหมักโดยยีสต์ทั้งนี้วัตถุดิบหลักที่สําคัญอย่างหนึ่งในการผลิตสาเก ซึ่งจะขาดไปเสียไม่ได้เลยนั่นก็คือข้าวอันจะเป็นหัวใจหลักที่กําหนดคุณภาพและรสชาติของสาเกในญี่ปุ่นนั้น มีข้าวกว่าแปดสิบชนิด ซึ่งถูกนํามาผลิตสาเกโดยขั้นตอนแรกนั้นจะต้องนําเอาข้าวเปลือกมาขัดสีออกซะก่อนการทําสาเกให้ออกมาได้คุณภาพดีนั้นจะต้องขัดข้าวออกถึงสามสิบถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์โดยประมาณ ยิ่งสีออกมากก็ยิ่งมีรสดีและเป็นที่กําหนดให้สาเกชนิดนั้นมีราคาแพงยิ่งขึ้นไปอีกด้วยละคะ ขั้นตอนต่อไปหลังจากการสีข้าวคือการนําข้าวไปหุงให้สุกแล้วเข้าสู่กระบวนการหมัก ตำนานเหล้าญี่ปุ่นที่ได้ดื่มสักครั้งต้องติดใจ โดยจะนําข้าวสุกไปหมักกับโคจิ ซึ่งเป็นฆ่าเชื้อหรือที่ใช้ในการหมักอยู่นานประมาณห้าถึงเจ็ดวัน จึงมีการเติมน้ำและยีสต์ผสมลงไปค่ะ โดยในขั้นตอนนี้ คุณภาพของน้ำถือได้ว่าเป็นหัวใจหลักสําคัญอีกประการหนึ่งที่จะกําหนดรสชาติของสาเกให้ดีเยี่ยมนั่นเป็นเหตุผลที่ทําให้โรงเหล้าสาเกที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่ มักจะตั้งอยู่ใกล้กับแหล่งน้ำพุธรรมชาติ ซึ่งมีแร่ธาตุอันอุดมสมบูรณ์ ทั้งกระบวนการหมักจะกินเวลาอยู่ประมาณสองถึงสามสัปดาห์ ซึ่งจะทําให้สาเกมีปริมาณที่สูงกว่าเครื่องดื่มหมักประเภทอื่น อย่างเช่นเบียร์และหลังจากการหมักเสร็จสิ้นแล้ว จึงเริ่มนํามากรอง ซึ่งสาเกโดยทั่วไปก็จะถูกนํามาผ่านความร้อนเพื่อพาสเจอไรซ์เสียก่อนแล้ว จึงนํามาบ่มต่ออีกประมาณเก้าถึงสิบสองเดือนค่อยนํามาบรรจุขวดที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นเป็นเพียงกระบวนการผลิตสาเกอย่างคร่าวๆเท่านั้น เพราะความเป็นจริงแล้วในการผลิตสาเกให้ได้รสชาติเยี่ยมนั้น จะต้องอุทิศทั้งกําลังและเวลาผลิตอย่างประณีตด้วย โดยโรงเหล้าสาเกแต่ละแห่งจะมีผู้ที่เรียกว่า โทจิหรือสาเกมาสเตอร์ ผู้เชี่ยวชาญที่คอยควบคุมการผลิตสาเก ซึ่งในบางขั้นตอนก็จะมีการใช้เทคนิคอย่างการใส่สารเติมแต่งลงไปด้วยค่ะ เพื่อให้ได้คุณภาพและรสชาติตามต้องการและในการใส่สารเติมแต่งลงไปนี่แหละที่เป็นปัจจัยในการแบ่งประเภทสาเกต่างเกรด ต่างชนิดกัน สนับสนุนการจัดทำโดย ufabet123