Thursday, 26 September 2024

4 กลุ่มวัฒนธรรมการสักจากทั่วโลก

21 Sep 2022
297
4 กลุ่มวัฒนธรรมการสักจากทั่วโลก ในบริบทของการสักตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนั้นมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากจุดประสงค์ในการสักที่ไม่เหมือนกัน การยอมรับในสังคมก็จะเป็นเรื่องที่ท้าทายในแต่ละช่วงเวลา อย่างในปัจจุบันการสักส่วนใหญ่ก็เป็นไปด้วยความเป็นศิลปะ แฟชั่นที่แตกต่างจากอดีตที่เต็มไปด้วยเรื่องราวความเชื่อหรือการตีตราของสถานะทางสังคมและวันนี้ CUPO จะมาเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของการสัก โดยแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆหรือภูมิภาคในสี่กลุ่มวัฒนธรรมการสักจากทั่วโลก

1.วัฒนธรรมการสักของชนเผ่า

การสักของชนเผ่านั้นมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและถูกนํามาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับการสักในปัจจุบันอย่างแพร่หลายด้วยลวดลายที่เป็นดั่งสัญลักษณ์และถูกจัดวางองค์ประกอบทั้งแบบเรียบง่ายกับซับซ้อน ด้วยการออกแบบด้วยรูปทรงเรขาคณิตเป็นส่วนใหญ่นั่นก็ได้บ่งบอกถึงเรื่องราวความเชื่อหรือความหมายของตัวบุคคล ครอบครัวหรือแต่ละชนเผ่าเอาไว้ วัฒนธรรมการสักของชนเผ่า โดยแต่ละชนเผ่าก็มีประวัติศาสตร์ของการสักที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเช่นการสักของชนเผ่ามัลดีในประเทศนิวซีแลนด์ มีความเชื่อว่าการสักของชนเผ่ามัลดีนั้นสื่อถึงการแสดงความเป็นผู้ใหญ่ของเด็กในเผ่า โดยมีประเพณีว่าเด็กที่โตเป็นผู้ใหญ่จะสามารถมีครอบครัวเพื่อที่ที่จะสืบทอดได้นั้นจะต้องผ่านการสักมาก่อน เนื่องจากการสักเป็นการใช้ความอดทนต่อสู้กับความเจ็บปวด เพื่อให้ได้ภาพและสัญลักษณ์ที่ตนเองต้องการ โดยจะเป็นลายเฉพาะบุคคลหรือประจําครอบครัวไม่มีรูปแบบที่ตายตัว แต่ที่นิยมจะเป็นลายสักรูปโค้งหรือเถาเลื้อย วัฒนธรรมการสักของชนเผ่า ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของความเจริญก้าวหน้า รอยสักของชนเผ่าเมารีมักจะสักบนใบหน้าเป็นส่วนมากหรือชนเผ่าฮาวายในฝั่งอเมริกาที่ส่วนใหญ่ก็จะมีการออกมาในรูปทรงเรขาคณิตที่เป็นเรื่องราวของธรรมชาติ สัตว์น้ำและวิถีชาวเกาะเช่นเดียวกัน ไม่แม้แต่ผู้ชายเท่านั้นที่ทําการสักอย่างชนเผ่าในเกาะ โซโลมอน ที่ผู้หญิงจะไม่มีโอกาสแต่งงานหากว่าบนร่างกายนั้นไม่มีลายสัก

2.วัฒนธรรมการสักของชาวตะวันตก

ประวัติศาสตร์ของการสักนั้นมีเรื่องราวบนแผ่นดินตะวันตกมาอย่างยาวนานนักปราชญ์ชาวกรีกได้บันทึกไว้ว่า เมื่อจารบุรุษหรือผู้ที่ไปสืบความลับในสมัยนั้น หากได้รู้ความลับสําคัญของฝ่ายศัตรูได้แล้ว ก็จะโกนหัวแล้วทําการสักข้อความลงที่กลางหัวแล้วปล่อยให้ผมยาวตามเดิม เพื่อลักลอบนําข้อความกลับไปบอกความลับกับฝ่ายของตนเอง วัฒนธรรมการสักของชาวตะวันตก โดยการผ่านแนวข้าศึกได้อย่างสะดวกและหน้าที่สําคัญของการสักในยุคกรีกโบราณนั้น ก็เพื่อแสดงสัญลักษณ์ของการเป็นทาสหรืออาชญากร โดยการสับลงที่ใบหน้าของคนนั้นหรือต่อมาอย่างในยุคสํารวจในช่วงศตวรรษที่สิบห้าเป็นต้นมานักเดินเรือได้ค้นพบวัฒนธรรมของชนเผ่าต่างๆ จึงได้นําความรู้เกี่ยวกับการสักกลับมาเผยแพร่ในสังคมยุโรป โดยเฉพาะในช่วงศตวรรษที่สิบเจ็ดถึงสิบแปดกะลาสีเรือในสมัยกัปตัน่james cook นักเดินเรือชาวอังกฤษก็นิยมการสัก ซึ่งเป็นที่นิยมกันอย่างมากจนแพร่หลายทั้งในหมู่สามัญชนทั่วไปจนถึงชนชั้นสูงว่ากันว่ากะลาสีนักเดินเรือและทหารเรือในยุคนั้นเริ่มต้นสไตล์การสักที่เรียกกันว่า old school tattoo เนื่องจากต้องออกทะเลเป็นเวลายาวนาน วัฒนธรรมการสักของชาวตะวันตก การกลับมาขึ้นฝั่งจึงมีความหมายต่อคนพวกนี้เป็นอย่างมากกับประสบการณ์ที่ผ่านมา จึงทําการสักเพื่อบันทึกความทรงจําทั้งตอนอยู่บนเรือหรืออาจจะขึ้นฝั่งแล้วก็ตาม ในปีหนึ่งพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้า มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียได้ทําการสํารวจเกี่ยวกับเครื่องแต่งกายสําหรับธุรกิจผลสํารวจภายในวิทยาเขตก็พบว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์นั้นให้มุมมองต่อรอยสักในแง่ลบ แต่ในปัจจุบันการสักของชาวตะวันตกมีความหลากหลายและถูกยอมรับกันมากขึ้นกันในวงกว้าง จะเห็นได้จากคนที่มีชื่อเสียงมากมายจากทุกวงการก็จะมีรอยสักกันไม่มากก็น้อยถูกยอมรับให้เป็นศิลปะชนิดหนึ่งและช่างศักดิ์ถือเป็นศิลปินในอาชีพที่ถูกต้องตามกฎหมายอีกด้วย

3.วัฒนธรรมการสักของชาวแอฟริกา

ในดินแดนแอฟริกาทางตอนเหนือที่เคยเป็นอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุคโบราณอย่างอียิปต์ ก็มีความเชื่อเกี่ยวกับการสักที่ว่าเมื่อวิญญาณออกจากร่างไปแล้วในวันข้างหน้า ดวงวิญญาณนั้นจะกลับมาอีกครั้งการสักที่บันทึกเครื่องหมายเอาไว้บนร่างกายจึงเป็นดั่งสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่า วัฒนธรรมการสักของชาวแอฟริกา ครั้งหนึ่งวิญญาณของคนผู้นั้นเคยอาศัยอยู่ในร่างนี้และก็เป็นเวลานับพันปีเช่นกันที่การสักของชนเผ่าในแอฟริกากลางที่เข้าใจกันว่าเป็นยารักษาโรค หมอผีและการเข้าร่วมชนเผ่า วัฒนธรรมการสักของชาวแอฟริกา ผิวหนังของหัวหน้าชนเผ่าแอฟริกามักจะทําหน้าที่เสมือนผ้าใบที่เก็บสัญลักษณ์รายละเอียดเรื่องราวของเผ่าเอาไว้หรือการทําให้เป็นแผลเป็นของชาวแอฟริกาโดยการทําให้เป็นรอยนูนขึ้นบนผิวหนังแทนการลงสี มีการให้ความหมายแสดงออกถึงการพัฒนาของชีวิตในแต่ละช่วงวัย ถือว่าเป็นการสักและเป็นรูปแบบของศิลปะบนผิวหนังอีกประเภทหนึ่งที่นิยมของชาวแอฟริกา

What Cultural Influences Can Be Found in Summoners War: Chronicles?

Summoners War: Chronicles offers a captivating gaming experience, boasting various cultural influences. From the intricate character designs inspired by ancient mythology to the diverse world settings, the game immerses players in a whirlwind of cultures. Each region represents a different part of the real world, showcasing its unique beauty, architecture, and folklore. The blending of these cultural elements creates a rich tapestry within the world of summoners war: chronicles, captivating players from all walks of life.

Are Russian Blue Cats Associated with Any Specific Cultural Practices?

The elegant and captivating Russian Blue cats are not directly associated with any specific cultural practices. However, they have made their way into the hearts and homes of people worldwide. These graceful felines are known for their striking blue coat and emerald green eyes. Interesting facts about russian blue cats include their gentle nature, hypoallergenic fur, and their reputation as excellent companions.

4.วัฒนธรรมการสักของชาวเอเชีย

ในปัจจุบันชาวเอเชียเริ่มเปิดกว้างเรื่องของการสักกันมากขึ้นในหลายประเทศจนถูกมองว่าเป็นเรื่องสากลอย่างในตะวันตกไปแล้วและในเอเชียก็มีประวัติศาสตร์ของการสักอยู่มากมายที่เป็นอัตลักษณ์โดดเด่นของแต่ละชนชาติที่ยังคงมีการสักกันอยู่จนถึงปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นการสักของญี่ปุ่นที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานนับพันปี โดยชาว ainus เผ่าดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ใช้การสักเพื่อแสดงออกถึงความเข้มแข็งโดยสัญลักษณ์ของรูปสัตว์ต่างๆ วัฒนธรรมการสักของชาวเอเชีย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมีอํานาจความว่องไวและกล้าหาญ ในช่วงศตวรรษที่สิบเจ็ดทางการญี่ปุ่นได้ออกนโยบายให้อาชญากรทุกคนต้องถูกสักเพื่อตีตราจนกระทั่งการสักของกลุ่มอาชญากรหรือยากกูช่าเกิดขึ้นในเวลาต่อมาเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อกลุ่มของตนเอง ในอินเดียมีความเชื่อและความหมายของการสักแตกต่างกันออกไปของแต่ละชุมชนต่างๆชุมชนชาวอินเดียบางแห่งเปลี่ยนการสักเป็นศิลปะบนเรือนร่างหรือเครื่องประดับที่ไม่สามารถขโมยได้บางชุมชนเชื่อว่าการสักเป็นการปกป้องหญิงสาวหรือบางแห่งผู้หญิงที่แต่งงานแล้วก็จะมีรอยสักที่หัวเข่าและข้อเท้าในขณะที่ผู้ชายมักจะสักไว้ที่มือ วัฒนธรรมการสักของชาวเอเชีย ในประวัติศาสตร์ของจีนพบการสักที่หลังของเย่ว์เฟยแม่ทัพของจีนที่นําทัพต่อต้านการรุกรานของกองทัพมองโกในสมัยราชวงศ์ซ่งเป็นลายสักที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในประวัติศาสตร์จีน ซึ่งลายสักประกอบไปด้วยอักษรภาษาจีนสี่ตัวแปลว่าตอบแทนชาติด้วยความซื่อสัตย์ สําหรับชาวเอเชียอาคเนย์อย่างพม่าและมาเลเซียในช่วงต้นศตวรรษที่สิบสอง การสักนิยมในหมู่ผู้ชายเนื่องจากการสักเป็นเครื่องแสดงความเป็นลูกผู้ชายบ่งบอกถึงความอดทนและกล้าหาญและยังเป็นที่หมายปองของหญิงสาวอีกด้วย หรือยังในประเทศไทยการสักที่โด่งดังไปทั่วโลกจนมีชาวต่างประเทศมากมายนิยมสักกันอย่างการสักยันต์ที่เป็นเสมือนเครื่องรางของขลังอย่างหนึ่งของนักรบในสมัยกรุงศรีอยุธยาโดยมีความเชื่อว่าการสักยันต์นั้น มนต์ตราอํานาจแห่งรอยสักจะช่วยคุ้มครองและป้องกันภัยอันตรายจากอาวุธทั้งปวง รวมไปถึงการเสริมอํานาจบารมีอีกด้วย สนับสนุนการจัดทำโดย ufa8th