ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด หรือมีความเชื่อแบบไหน วัด…มักจะเป็นที่พึ่งทางใจ ให้ความรู้สึกสงบร่มเย็น มี ผู้คนมาทำกิจกรรม สวดอ้อนวอน นั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรม และถ้ายิ่งเป็นวัดเก่าแก่อายุหลายร้อยหรืออาจจะนับพันปี แถมยังเดินทางเข้าถึงได้ลำบาก ก็จะยิ่งเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์และน่าสนใจ เพราะมีทั้งเรื่องราวความเป็นมา สถาปัตยกรรม งานศิลปะที่งดงาม ทั้งยังอาจเป็นที่เก็บรักษาพระคัมภีร์ หรือของมีค่าอันทรงคุณค่าคู่บ้านคู่เมือง cupo ขออาสารวบรวมเอา 6 วัดสวยสุดสงบเข้าถึงยากจากทั่วโลกมาฝากกัน
1.Meteora ประเทศกรีซ
เมธีออร่า ตั้งอยู่ที่เมืองคาลัมบากา เป็นศาสนสถานในคริสศาสนานิกาย พระอารามลอยฟ้าบนยอดภูเขาสูง ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับล่องลอยอยู่กลางอากาศ สั่งสร้างขึ้นเมื่อราวหกร้อยปีก่อนเป็นที่ๆเหมาะสําหรับนักบวชหรือผู้ที่ต้องการความสงบ ในอดีตหากต้องการมาที่นี่จะต้องใช้บันไดเชือกสําหรับปีนขึ้นไปเท่านั้น แม้ในปัจจุบันยังต้องค่อยๆเดินลัดเลาะบันไดสูงชันขึ้นไปด้านบนจุดที่สูงที่สุดมีความสูงห้าร้อยเจ็ดสิบเมตร เดิมนั้นเคยมีอารามยี่สิบสี่หลัง แต่ทุกวันนี้หลงเหลือเพียงหกหลัง ที่มีทั้งโบสถ์และถ้ำรวมอยู่ด้วยกัน มีภาพเขียนและโบราณวัตถุที่มีชื่อเสียงที่นี่นั้นได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปีหนึ่งพันเก้าร้อยแปดสิบแปด
2.Debre Damo ประเทศเอธิโอเปีย
เด๊บบร้า เดโม่ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือไม่ไกลกับชายแดน ส่วนที่ติดกับประเทศเอลิเทียร ไม่ว่าจะเป็นพระหรือคนทั่วไปทางเดียวที่จะขึ้นไปถึงวัด หลังจากใช้เวลาเดินเท้ามาแล้วสามชั่วโมง ก็คือการไต่หน้าผาที่มีความสูงสิบห้าเมตร และพยายามดึงตัวเองขึ้นไปโดยใช้เชือกเท่านั้นเป็นประสบการณ์การไปวัดที่น่าจดจําและยากที่จะหาที่ไหนเลียนแบบ เชื่อกันว่าที่นี่นั้นเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศ และอาจจะเก่าแก่ที่สุดในทวีปแอฟริกาอายุราวหนึ่งพันห้าร้อยปีสร้างตั้งแต่สมัยจักรวรรดิอั๊คซุมเป็นที่เก็บคัมภีร์โบราณและของมีค่าสําคัญของประเทศ
3.วัดทักซัง ประเทศภูฏาน
คนไทยเรียกที่นี่ว่าวัดถ้ำเสือเป็นวัดที่เงียบสงบศักดิ์สิทธิ์และมีชื่อเสียงที่สุดของประเทศ ตั้งอยู่ที่เมืองพาโร อยู่ริมหน้าผาสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณเก้าร้อยเมตร สร้างขึ้นมากว่าสามร้อยปีก่อนโดยเชื่อกันว่า กูรูริมโปเช ผู้นําทางศาสนาคนสําคัญของภูฏานเคยมานั่งสมาธิและอาศัยอยู่ที่นี่และมีผู้พบเห็นเสืออยู่ในถ้ำ จึงเชื่อกันว่าเสือตัวนั้นคือท่านกูรูแปลงร่างมา การเดินทางไปที่นี่ต้องอาศัยการเดินเท้าโดยอาจใช้ม้าช่วยทุ่นแรงได้ก็เป็นเพียงระยะทางสั้นๆจากเส้นทางไต่เขาเดินขึ้นลงรวมทั้งหมดสิบสามกิโลเมตร ใช้เวลาราวสามถึงห้าชั่วโมง ด้วยเพราะสภาพอากาศบนเขาสูง ซึ่งมีออกซิเจนเบาบาง ทําให้เหนื่อยง่ายกว่าปกติ เป็นวัดที่ชาวภูตาลที่เริ่มใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาทุกคนจะต้องไปให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต
4.วัดPhugtal Gompa ประเทศอินเดีย
หนึ่งในวันที่เก่าแก่และปลีกวิเวกที่สุดแห่งหนึ่งในอินเดีย ลักษณะคล้ายกับรังผึ้งที่แทรกตัวอยู่บริเวณหุบเขาซันสกา ในแคว้นลาดักรัฐมูและแคชเมียร์ทั้งตอนเหนือของประเทศ เดิมที่นี่เป็นเพียงถ้ำที่เชื่อกันว่าตั้งแต่สมัยพุทธกาลจะมีพระหรือลามะ จะเดินธุดงค์รอนแรมานั่งสมาธิก่อนที่จะค่อยๆมีการสร้างอาคารต่างๆขึ้นมา การเดินทางเป็นไปอย่างยากลําบากตามลักษณะภูมิประเทศ แม้ในปัจจุบันยังต้องใช้เวลาเดินเท้าราวสามชั่วโมง จากจุดเริ่มต้นในหมู่บ้านเล็กๆลัดเลาะไปตามแนวทิวเขาปัจจุบันมีลามะอาศัยอยู่ราวหนึ่งร้อยรูป เป็นทั้งโรงเรียนสอนศาสนาและที่พักพิงทางจิตวิญญาณ ในเขตภูเขาสูงแถบอินเดียทิเบตและเนปาลก็มีวัดในลักษณะเดียวกันกับที่ฟลุคตาลนี้อีกหลายแห่งเงียบสงบและยังคงสภาพความสันโดษใกล้เคียงกับในสมัยโบราณเอาไว้ได้เป็นอย่างดี
5.Sumela Monastery ประเทศตุรเคีย
อารามเก่าแก่ที่เริ่มสร้างมาตั้งแต่เมื่อราวหนึ่งพันหกร้อยปีก่อน เพื่ออุทิศให้กับพระแม่มารีตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลหนึ่งพันสองร้อยเมตร แทรกตัวอยู่ในหน้าผาสูงของหุบเขาในเขตอุทยานแห่งชาติอัลทีนเดร้อ ทางตอนเหนือของอนาโตเลีย หรือดินแดนที่เชื่อมระหว่างทวีปยุโรปและเอเชีย แหล่งอารยธรรมที่สําคัญมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยอารามแห่งนี้สร้างขึ้นโดยนักบวชเพื่อใช้เป็นที่ประกอบศาสนกิจของนิกายเอเธนส์ออโธดอกซ์ ซึ่งโครงสร้างหลักๆที่เราเห็นกันอยู่ในทุกวันนี้ สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่สิบสามการจะไปถึงตัวอารามได้จะต้องเดินไต่เขาขึ้นไปบนบันไดหินที่สูงชันเป็นระยะทางหนึ่งจุดสามกิโลเมตร
6.Ostrog Monastery ประเทศมอนเตเนโกร
ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงพัดกอริซ่า เป็นสํานักสงฆ์ในนิกายเซอร์เบียออโธดอกซ์ที่สําคัญที่สุดแห่งหนึ่งในกลุ่มประเทศบอลคาน สร้างขึ้นเมื่อราวสามร้อยปีก่อน ในช่วงศตวรรษที่สิบเจ็ด เพื่ออุทิศให้กับนักบุญ Saint Basil of ostrog ผู้นําทางจิตวิญญาณคนสําคัญ ตัวอาคารสิ่งปลูกสร้างฝังตัวอยู่กับหน้าผา ในสมัยก่อนผู้ที่เดินทางไปที่นี่จะต้องเดินทางเข้าไปเป็นระยะทางประมาณสิบกิโลเมตร แต่ปัจจุบันนั้นสามารถขับรถเข้าไปถึงได้ปัจจุบันที่นี่เป็นวัดอันศักดิ์สิทธิ์ที่สําคัญของประเทศ ไม่ได้มีเพียงชาวคริสต์นิกายเซอร์เบียออโธดอกซ์ แต่ยังมีชาวคาทอลิก รวมถึงชาวมุสลิมเดินทางมาแสวงบุญ สวดมนต์และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสําคัญของประเทศอีกด้วย